การสอนและการฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานที่พะอ้อกตอยะ
ระบบการฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานที่พะอ้อกตอยะ เป็นไปตามหลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ตามที่พบในพระไตรปิฎก (พระบาลี) และ อรรถกถาที่อธิบายไว้ แบบแผนการปฏิบัติธรรมนี้คือ ไตรสิกขา ประกอบด้วย ๓ ส่วนเพื่อการรักษาศีลให้บริสุทธิ์ และ การเจริญสมาธิ เพื่อเป็นพื้นฐานในการฝึกวิปัสนาปัญญา การเจริญไตรสิกขานี้คือ วิสุทธิ๗ เป็น ๗ ขั้นความบริสุทธิ์ ซึ่งให้วิธีการเป็นขั้นตอนอย่างเป็นระบบในการชำระ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ให้บริสุทธิ์จากกิเลส เพื่อการบรรลุพระนิพพานได้ในชีวิตนี้
กล่าวโดยย่อ หลักการปฏิบัติเริ่มจาก สมถกัมมัฏฐาน ซึ่งเป็นการเจริญสมาธิให้เกิด อัปปนาสมาธิ หรือที่เรียกว่าฌาน โยคีผู้ปฏิบัติสามารถจะเลือกวิธีการทำสมถะได้ ๔๐ วิธีตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้ ที่พะอ้อกตอยะโยคีส่วนมากได้ฌานจากการเจริญอานาปานสติ เมื่อเจริญสมถภาวนาได้แล้ว โยคีผู้ปฏิบัติสามารถฝึกต่อไปในวิปัสสนากัมมัฏฐาน
อีกทางเลือกหนึ่งคือ โยคีอาจจะไม่ฝึกสมาธิถึงระดับฌาน โยคีจะได้รับการสอนให้พัฒนาสมาธิ เพียงถึงระดับอุปจาระสมาธิ โดยการปฏิบัติสมถกัมมัฏฐาน ธาตุ ๔ (จตุธาตุววัฏฐาน) ก่อนที่จะดำเนินการฝึกต่อไปยังวิปัสสนากัมมัฏฐาน ซึ่งทั้งสองกรณี กำลังสมาธิที่เกิดจากการเจริญภาวนาของโยคีจะผลิต “แสงสว่างแห่งปัญญา”
เมื่อสามารถเจริญสมาธิถึงระดับฌาน หรือสมถะได้แล้ว โยคีจะได้รับการสอนวิธีการรักษากัมมัฏฐานที่ได้ฝึกมาแล้วนี้ ด้วยการฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐานที่เป็นเครื่องรักษา ๔ ชนิดคือ จตุรารักขกัมมัฏฐาน ได้แก่
- เมตตาพรหมวิหาร (การระลึกถึงด้วยความรักความปราถนาดี)
- พุทธานุสติ (การระลึกถึงพระพุทธคุณ)
- อสุภกัมมัฏฐาน (การระลึกถึงความเป็นปฏิกูลของร่างกาย)
- มรณัสสติ (ระลึกถึงความตายที่จักต้องมาถึงตน)
ต่อจากนั้น โยคีจะได้รับการสอนแนวทางเพื่อเตรียมสู่การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ซึ่งเป็นการใช้ “แสงสว่างแห่งปัญญา” พิจารณาให้เห็นความจริงใน รูปปรมัตถ์ และ นามปรมัตถ์ เช่นกันด้วยว่าโยคีจะได้รับการสอนให้พิจารณาเหตุและผลของนามรูป คือ ปฏิจจสมุปบาท ซึ่งหมายถึงการที่โยคีสามารถพิจารณาจำนวนอดีตชาติและอนาคตชาติ และพิจารณาเหตุซึ่งจะนำไปสู่การปฏิสนธิในภพใหม่ อย่างตรงตามเหตุนั้นๆ ด้วย
ต่อเมื่อมีการพิจารณาเห็นความจริงของ รูปนาม และเหตุผลของเขา คือ ปฏิจจสมุปบาท แล้วเท่านั้น โยคีผู้ปฏิบัติได้เช่นนี้ จึงจะมีอารมณ์กัมมัฏฐานในการเจริญวิปัสสนา การเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน คือการพิจารณาให้เห็นลักษณะ ๓ อย่างคือ ความไม่เที่ยง (อนิจจะ) เป็นทุกข์ (ทุกขะ) ความไม่มีตัวตน (อนัตตะ) ในรูปปรมัตถ์ และ นามปรมัตถ์ ทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต ภายใน ภายนอก หยาบ ละเอียด ทราม ปราณีต ไกล ใกล
ด้วยวิธีดำเนินตามคัมภีร์วิสุทธิมรรค (หนทางสู่ความบริสุทธิ์) โยคีจะได้รับการสอนที่มีขั้นตอนเป็นไปตามกระบวนการปฏิบัติอย่างละเอียด ซึ่งจะเป็นการพัฒนา บ่ม วิปัสสนาญาณ ปัญญาของโยคีจะมีกำลังมากยิ่งขึ้นในแต่ละวิปัสสนาญาณ และเมื่อรู้ประจักษ์ รูปธรรม นามธรรม ที่เป็นไปใน อดีต ปัจจุบัน อนาคต การปฏิบัติอยู่เช่นนี้ โยคีจะสามารถ มีความก้าวหน้าไปตามลำดับวิปัสสณาญาน ซึ่งเป็นบาทฐานสู่การบรรลุพระนิพพาน
หากว่าโยคีบรรลุพระนิพพาน โยคีจะได้รับการแนะนำวิธีพิจารณาดูว่า กิเลสใดได้ถูกทำลายตัดขาดไปแล้ว และการบรรลุธรรมในขั้นใดที่เขาได้แล้ว ด้วยการปฏิบัติต่อไป โยคีจะสามารถทำลายตัดขาดกิเลสได้ทั้งหมด และสามารถบรรลุความเป็นพระอรหันต์ ซึ่งหมายถึง โยคีผู้ปฏิบัติจะได้รับการสิ้นสุดของการกลับมาเกิด และ การพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้
*การให้คำแนะนำกัมมัฏฐานแก่ชาวต่างชาติ โดยภาษาอังกฤษ และ ภาษาพม่า เป็น ๒ ภาษาหลัก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอนกัมมัฏฐาน โปรดศึกษาได้จากหนังสือ “Knowing and Seeing” (ฉบับปรับขยายครั้งที่ ๕) รจนาโดย ท่านพระอาจารย์ใหญ่พะอ้อกตอยะสยาดอ และหนังสือ “Teaching & Training” เป็นหนังสือ สรุปแนวทางการสอนของท่านพระอาจารย์ใหญ่ ซึ่งรวบรวมโดยลูกศิษย์ชาวต่างชาติของท่าน